สรรพคุณสารออกฤทธิ์ทางยา สปอร์เห็ดหลินจือจากสมุนไพร วิธีรักษางูสวัด โรคติดเชื้อไวรัสที่ผิวหนังชนิดหนึ่งให้หายได้ อย่างปลอดภัย การดูแลผู้ป่วยงูสวัส ถ้าคันหรือปวดแสบปวดร้อน ให้ทาคาลาไมน์โลชั่น ห้ามใช้ครีมสตีรอยด์ทา อาจทำให้แผลลุกลาม หายยาก หรือติดเชื้อแทรกซ้อนได้
โรคงูสวัด(Shingles หรือ Herpes zoster) เป็นการติดเชื้อไวรัสของผิวหนัง เชื้อไวรัสที่เป็นต้นเหตุจะเป็นตัวเดียวกันกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส โดยเชื้อไวรัสยังคงเหลือซ่อนเร้นอยู่ในปมประสาทเมื่อภูมิต้านทานต่ำลง เชื้อไวรัสจะเคลื่อนลงมาที่ปลายประสาท เชื้อไวรัสชนิดนี้ก็จะเจริญเติบโตและก่อให้เกิดเป็นโรคงูสวัดตามมา ทำให้มีผื่นตุ่มขึ้นเป็นแนวยาวๆ บริเวณที่ขึ้นกันบ่อยก็คือ แนวบั้นเอวหรือแนวชายโครง(จากสะดือถึงกลางหลัง) บางคนอาจขึ้นที่ใบหน้า แขนหรือขาก็ได้ แต่จะมีลักษณะการขึ้นคล้ายกันคือจะขึ้นเพียงซีกหนึ่งซีกใดของร่างกายเท่านั้น เช่น ซีกขวาหรือไม่ก็ซีกซ้าย ผื่นเป็นตุ่มน้ำอยู่เป็นกลุ่มๆ มีอาการปวดแปลบๆ ร่วมด้วย
โรคนี้ไม่มีอันตรายร้ายแรง ไม่ใช่โรคติดต่อ เมื่อหายแล้วก็จะไม่เป็นซ้ำอีกเช่นเดียวกับไข้อีสุกอีใส ตรงข้ามกับโรคเริม ที่มักจะเป็นซ้ำๆ ซากๆ เรื้อรัง โรคงูสวัดมักไม่มีโรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรง ยกเว้นว่าถ้าดูแลไม่สะอาด แผลอาจติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ทำให้กลายเป็นตุ่มหนอง โรคจะหายช้า และกลายเป็นแผลเป็น บางคนอาจมีงูสวัดเกิดขึ้นที่หน้าผาก ลามเข้ากระจกตา หากรักษาไม่ถูกต้อง อาจทำให้กระจกตากลายเป็นแผลเป็น ตาบอดมัวได้ ถ้าเกิดที่บริเวณเส้นประสาทที่เลี้ยงใบหน้าบริเวณหน้าหู บางครั้งอาจทำให้เกิดอาการอัมพาตของใบหน้าซีกนั้น ทำให้ปากเบี้ยว และหลับตาไม่มิด แต่จะค่อยๆ หายเองใน 1-2 เดือน
ในกรณีของผู้ป่วยที่ภูมิต้านทานต่ำ เช่น เป็นโรคเอดส์ หรือผู้ป่วยที่ได้รับยากดอิมมูน อาจมีการกระจายของผื่นทั่วตัวได้ แพทย์บางท่านอาจจะให้ยาฆ่าเชื้อไวรัสชนิดรับประทาน การรู้จักรักษาร่างกายให้แข็งแรง เสริมภูมิต้านทานโรคให้สมบูรณ์อยู่เสมอ จึงมีความสำคัญในการป้องกันโรคงูสวัดและระงับความรุนแรงของโรคได้
สาเหตุของโรคงูสวัด
เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า “เชื้อวีแซดวี”(varicella-zoster virus) ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ครั้งแรก มักเกิดขึ้นในวัยเด็ก ส่วนใหญ่จะแสดงอาการของโรคอีสุกอีใส ส่วนน้อยจะไม่มีอาการแสดงให้ปรากฏหลังจากหายจากโรคอีสุกอีใสไปแล้ว เชื้อจะหลบซ่อนอยู่บริเวณปมประสาทใต้ผิวหนัง และแฝงตัวอย่างสงบเป็นเวลานานหลายปีถึงสิบๆ ปี โดยไม่มีอาการผิดปกติใดๆ
เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น อายุมาก ถูกกระทบกระเทือน มีความเครียด ทำงานหนัก พักผ่อนไม่พอ ติดเชื้อเอชไอวี เป็นมะเร็ง ใช้ยาต้านมะเร็งหรือยา กดภูมิคุ้มกัน เชื้อที่แฝงตัวอยู่นั้นก็จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวน และกระจายในปมประสาท ทำให้เส้นประสาทอักเสบ (เกิดอาการปวดตามแนวเส้นประสาท) เชื้อจะกระจายไปตามเส้นประสาทที่อักเสบ และปล่อยเชื้อไวรัสออกมาที่ผิวหนัง เกิดเป็นตุ่มใสเรียงเป็นแนวยาวตามแนวเส้นประสาท ที่เป็นโรคงูสวัดจึงมักมีประวัติเคยเป็นอีสุกอีใสในวัยเด็ก หรือเคยมีการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มาก่อน โดยไม่มีอาการแสดง ซึ่งสามารถตรวจพบสารภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสชนิดนี้ในเลือด
อาการของโรคงูสวัด
- ก่อนที่ผื่นงูสวัดจะปรากฎให้เห็น ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีความรู้สึกผิดปกติเกิดขึ้น เป็นความรู้สึกแปล๊บๆ บางครั้งรู้สึกคัน เจ็บๆ แสบๆ อาจรู้สึกชาได้เช่นกัน บางรายมีไข้ร่วมด้วย อาจมีไข้สูงหนาวสั่น หรือเป็นเพียงครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหัว ปวดมวนท้อง ต่อมาภายหลังจากที่ผื่นงูสวัดปรากฎชัดเจน 2-3 วัน จึงจะเห็นลักษณะตุ่มน้ำใสชัดเจน ตุ่มน้ำใสที่เกิดขึ้นตามแนวเส้นประสาทจะเป็นอยู่ 3-5 สัปดาห์ ส่วนใหญ่เวลาหายก็จะแห้งสนิท ยกเว้นในรายที่คันมาก แสบมาก หรือเกาจนกระทั่งกลายเป็นแผล อาจพบการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติมได้ในภายหลัง
- ลักษณะของผื่น ผื่นเป็นตุ่มน้ำอยู่เป็นกลุ่มๆ เรียงตามแนวประสาท มีอาการปวดแปล๊บๆ ร่วมด้วย โดยมากพบบ่อยตามแนวเส้นประสาทสันหลังบริเวณลำตัว จะเป็นอยู่นานประมาณ 7-10 วัน ตุ่มน้ำก็จะแห้ง และตกสะเก็ด เมื่อปรียบเทียบกับผื่นของโรคสุกใส จะคันน้อยกว่า แต่รู้สึกปวดมากกว่า
- ส่วนใหญ่โรคงูสวัดมักพบในผู้ป่วยสูงอายุ จากการศึกษาวิจัยพบว่าในผู้ใหญ่อายุน้อยกว่า 50 ปี และมีภูมิคุ้มกันปกติ ร้อยละ 10 จะเป็นโรคงูสวัดอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต ผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีมีโอกาสเป็นโรคงูสวัดมากกว่าเด็กอายุน้อยกว่า 10 ปี ถึงสิบเท่า
- ผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องจะเป็นโรคงูสวัดได้บ่อย เป็นๆ หายๆ เช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคเรื้อรังบางชนิด รวมทั้งผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด แม้กระทั่งผู้ที่ระดับภูมิต้านทานปกติ หากช่วงใดที่เกิดความเครียดรุนแรง เจ็บป่วยติดเชื้อไวรัส หรือถูกแดดเผาเป็นเวลานาน ก็อาจเกิดโรคงูสวัดได้ง่าย
- หากมารดาที่เป็นโรคงูสวัด ในช่วง 5-21 วันก่อนคลอด จะมีความเสี่ยงสูงที่ลูกจะเป็นงูสวัด บางครั้งเด็กคลอดออกมาก็เป็นเลย หรือภายใน 2-3 วันหลังคลอด
ความรุนแรงของโรค – งูสวัดที่จะเป็นรุนแรงทั่วร่างกายหรือพันรอบตัวนั้นอาจพบได้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว เอดส์ ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ฯลฯ ถ้าเกิดเป็นงูสวัดขึ้นมาก็อาจทำให้ปรากฏขึ้นทั้งสองข้างพร้อมกันจนดูเหมือนงูสวัดพันข้ามแนวกึ่งกลางลำตัวไปยังอีกซีกหนึ่งของร่างกายหรือเป็นงูสวัดทั่วร่างกายได้ ซึ่งแบบนี้อาจทำให้มีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
การดูแลตนเองจากงูสวัด
- ถ้ามีอาการปวดหรือมีไข้ ให้กินยาแก้ปวดลดไข้-พาราเซตามอล
- ถ้าคันหรือปวดแสบปวดร้อน ให้ทาคาลาไมน์โลชั่น
- ห้ามใช้ครีมสตีรอยด์ทา อาจทำให้แผลลุกลาม หายยาก หรือติดเชื้อแทรกซ้อนได้
สมุนไพรเห็ดหลินจือ สปอร์ฤทธิ์ทางยารักษางูสวัด
เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1909 นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน พบว่าเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคสุกใสกับเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคงูสวัดเป็นเชื้อตัวเดียวกัน จากการศึกษาวิจัยพบว่า เห็ดหลินจือสมุนไพรชนิดนี้มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัส อย่างไวรัสเอดส์ อีสุกอีใส และงูสวัดได้ผลอย่างมีนัยสำคัญ และเห็ดหลินจือยังเพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดขาวในการจัดการกับไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา 
และเซลล์ก่อมะเร็ง ดังนั้นจึงช่วยให้ร่างกายสามารถจัดการกับอาการผิดปกติต่อระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของโรคงูสวัด
ดังนั้นสปอร์เห็ดหลินจือรักษาโรคงูสวัด จึงเป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่งที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นได้จริง โดยไม่มีผลข้างเคียง เมื่อใช้ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม สรรพคุณประโยชน์เห็ดหลินจือรักษาสารพัดโรค ป้องกันให้ร่างกายแข็งแรง สมุนไพรเพื่อสุขภาพ
เคล็ดลับ วิธีดูแลสุขภาพดี สรรพคุณประโยชน์เห็ดหลินจือ รักษาสารพัดโรค ป้องกันให้ร่างกายแข็งแรง จากงานวิจัยพบอีกว่าส่วนของ “สปอร์เห็ดหลินจือ” คือส่วนที่ดีและให้ประโยชน์สูงสุด เพราะอุดมไปด้วยสารออกฤทธิ์ทางยาในปริมาณที่เข้มข้นกว่าส่วนอื่นของเห็ดหลินจือแดงหลายเท่า!
^-^ กดปุ่มแชร์ในโซเชียลมีเดีย ถ้าบทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณ แบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้เพื่อนๆ เพื่อคนไทยมีสุขภาพที่ดี!! ^-^