9 อาการอันตราย เสี่ยง “โรคเบาหวาน”

โรคเบาหวานเป็นโรคที่เรื้อรังและไม่หายขาด ทั้งยังเป็นโรคทางพันธุกรรม และโรคเบาหวานยังสามารถเกิดขึ้นได้แม้คนในครอบครัวไม่มี­ปร­ะวัติโรคเบาหวาน เพราะปัจจัยต่าง ๆ ในการใช้ชีวิตหรือแม้แต่การใช้ยาบางชนิดก็ทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ โรคอันตรายใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน

โรคเบาหวานอาการสัญญาณเตือน เสี่ยง สาเหตุเกิดเบาหวาน

โรคเบาหวาน อาการสัญญานอันตราย

เนื่องจากสภาวะสังคมที่เปลี่ยนไปทำให้ต้องเร่งรีบอยู่ตลอดเวลาและลืมเอาใจใส่สุขภาพของตัวเองซึ่งส่วนใหญ่ก็แทบจะไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็น นอกจากว่าจะไปตร­­­­วจสุขภาพแล้วจึงจะทราบว่าป่วยเป็นเบาหวานแต่กว่าจะพบว่าตัวเองเป็นเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงก็ส่งผลมากมายต่อสุขภาพแล้ว อาการของผู้ป่วยโรคเบาหวานมักจะสังเกตได้ดังนี้

1.แผลหายช้า

บาดแผลที่หายช้าหรือว่าเจ็บปวด เป็นอีกอาการของโรคเบาหวานที่ถูกมองข้ามไป ในขณะที่น้ำตาลในเลือดที่สูงนั้นดูดของน้ำออกจากร่างกาย , มันทำให้เลือดนั้นมีความเข้มข้นขึ้นด้วย ซึ่งทำให้เป็นเรื่องลำบากสำหรับเซลล์เม็ดเลือดขาวที่คอยปกป้องเราจากการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอมที่จะเดินทางผ่านเข้ามาในร่างกาย ซึ่งตามลำดับแล้วทำให้มันยากขึ้นสำหรับเซลล์เหล่านี้ที่จะช่วยให้แผลรักษาตัว คนที่เป็นโรคเบาหวานอาจจะรู้สึกตัวว่าได้ใช้เวลานานขึ้นสำหรับอะไรที่เล็กๆน้อยๆอย่างรอยถลอกตื่นๆตามหัวเข่าหรือข้อศอกจะหาย แม้กระทั่งสิวก็อาจจะขึ้นอยู่นานกว่าเก่าซักสองสามวัน

2.ปัสสาวะบ่อย – หิวน้ำบ่อย

หากเริ่มรู้สึกว่าลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าปกติ โดยเฉพาะในตอนกลางคืนและกระหายน้ำมากกว่าเดิม ขอบอกเลยว่านั่นเป็นสัญญาณของโรคเบาหวานนั่นก็เป็นเพราะร่างกายจะต้องขับปริมาณน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่า­­­­ปกติออกมาทางปัสสาวะ และร่างกายก็ต้องการน้ำเพื่อทดแทนของเหลวที่ขับออกไปพร้อมกับน้ำตาลแต่ก็จะเป็นเฉพาะเวลาที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเท่านั้น หากสามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้ปกติได้ อาการเหล่านี้ก็จะเบาบางล­ง

3.ผิวหนังแห้งและมีอาการคัน น้ำตาลในเลือดสูง

เวลาที่มีน้ำตาลในเลือดสูง ความไม่สมดุลย์ของน้ำไม่ได้ส่งกระทบเพียงแค่ดวงตา,กล้ามเนื้อและระบบประสาทของคุณ แต่มันยังส่งผลกระทบถึงผิวหนังด้วย เพื่อที่ชดเชยส่วนที่ขาดหายไปร่างกายจะเอาน้ำมาจากอวัยวะต่าง ๆ ดังนั้นหากพบว่ามีปัญหาผิวหนังดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด

4.ทัศนวิสัยพร่ามัว

การที่สายตาพร่ามัวนั้นก็เกี่ยวข้องกับน้ำ เวลาที่ระดับน้ำตาลของคนเราสูงขึ้น น้ำนั้นจะถูกขับออกออกมาจากเลนส์ของตาทำให้เลนส์เปลี่ยนรูปร่างเป็นการตอบสนอง เมื่อน้ำถูกแทนที่กลับเข้าไปแล้ว เลนส์ตาก็จะพองกลับขึ้นมา จากคำพูดของแพทย์ที่บอกว่า ดวงตานั้นทำหน้าที่เหมือนกับขนมปังแครกเกอร์ในถ้วยน้ำและดูดซับน้ำมากที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ถ้าจะให้สรุปง่ายๆ,เลนส์ของดวงตานั้นกำลังยุบและพองตัวเขากล่าว, ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทำให้วิธีที่ดวงตารับแสงนั้นเปลี่ยนไปด้วย

5.ติดเชื้อราง่าย

โรคเบาหวาน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของเราอ่อนแอลง ทำให้ร่างกายจะไวต่อการติดเชื้อ และเชื้อราที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานพบบ่อยที่สุดก็คือเชื้อราแคนดิด­า (Candida) เพราะส่วนใหญ่แล้วเชื้อราชนิดต่าง ๆ มักจะเติบโตได้ดีในสภาวะที่อุดมไปด้วยน้ำตาล โดยเฉพาะคุณผู้หญิงอาจติดเชื้อราแคนดิดาได้­บ่อ­­­ยในบริเวณช่องคลอด วิธีการรักษาก็คือ การใช้ยาฆ่าเชื้อและควบคุมระดับน้ำตาล

6.รู้สึกชาตามปลายมือปลายเท้า

อาการชาตามปลายมือปลายเท้า เป็นอาการที่แสดงให้เห็นว่าระดับน้ำตาลในเลือดได้เข้าไปทำลายระ­­­­บบการทำงานของประสาท มักจะเป็นอาการที่เกิดกับคนเป็นโรคเบาหวานและมีระดับน้ำตาลส­­­­ูงติดต่อกันเป็นเวลานาน วิธีการป้องกันก็คือ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับ­ที่เหมาะสมและควรรับประทานวิตามินบีเพื่อบำรุงประสาทด้วย

7.ความหิวรุนแรงและอาการอ่อนเพลีย

ถ้าเกิดอยู่ดี ๆ กลายเป็นคนชอบกินจุบจิบหรือหิวบ่อยแบบไม่มีสาเหตุละก็สันนิฐานได้ว่า คุณกำลังเป็นโรคเบาหวาน เพราะเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำร่างกายก็จะต้องการอาหารเพื่อเ­พิ่มระดับน้ำตาลในเลือดและจะส่งสัญญาณออกมาเป็นความรู้สึกหิวนั่นเอง แต่ถ้าอยากให้แน่ใจว่าป่วยเป็นเบาหวานหรือไม่ก็ควรไปตรวจดีกว่า

8.โมโหง่าย

ความแปรเปลี่ยนทางอารมณ์เป็นเรื่องที่เราต้องระวังไว้ จากคำพูดของผู้เชี่ยวชาญแห่งสมาคมโรคเบาหวานของอเมริกา มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเพิกเฉยต่อความแปรปรวนอารมณ์โดยถือว่าเป็นอาการของวันแย่ ๆ การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดที่เกินปกติก็สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ได้ด้วย

9.น้ำตาลในเลือดสูง

การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดจะสามารถระบุได้ชัดที่สุด­­­­ว่ากำลังเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ เพราะการตรวจเลือดในครั้งแรก ระดับน้ำตาลที่สูงอาจจะเกิดจากการร­ับประทานอาหารก็ได้ จึงควรได้รับการตรวจเลือดซ้ำโดยงดอาหารและน้ำก่อนการตรวจเลือดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ทั้งนี้ระดับน้ำตาลของคนปกติจะอยู่ที่ประมาณ 99 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หากระดับน้ำตาลอยู่ที่ประมาณ 100 – 125 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรก็ควรระมัดระวังแต่ถ้าระดับน้ำตาลสูงกว่า 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร แม้จะตรวจซ้ำแล้วก็แปลว่าคุณกำลังเป็นโรคเบาหวาน

หากมีอาการเหล่านี้บวกกับพฤติกรรมในการทานอาหารที่ไม่ค่อยระวังเรื่องแป้ง และน้ำตาล อาจสันนิษฐานได้ว่ากำลังมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานได้สูง นอกจากระวังเรื่องอาหาร และออกกำลังกาย แล้วสมุนไพรเห็ดหลินจือ เป็นอีกทางเลือกในการดูแลรักษาโรคเบาหวาน โดยจะเข้าไปดูแลที่ต้นเหตุของโรค เนื่องจากมีงานวิจัยหลายแห่งสนับสนุนสรรพคุณเห็ดหลินจือแดงในการรักษาโรคเบาหวาน อย่างมีนัยสำคัญ… อ่านต่อ >> ประโยชน์สมุนไพรเห็ดหลินจือ